เป็นการสอนที่มีเทคนิคน่าสนใจ โดยเฉพาะเรียนวิทย์ผ่านกิจกรรมทำขนม และเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการเรียนรู้ในรูปแบบแหล่งการเรียนรู้ของชุมชน โดยนักเรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริงทุกคนที่มีส่วนร่วม ได้ทั้งองค์ความรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เจตคติทางวิทยาศาสตร์และมีการวัดผลประเมินผลจากสภาพจริง มีหลายกลุ่มคนช่วยในการประเมินผลและนักเรียนสามารถทำผลงานจากการทำโครงงาน ทำให้บรรยากาศการเรียนการสอนน่าสนใจยิ่งมากขึ้น ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย และสามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆได้อีกด้วย เป็นเทคนิคที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง และทำให้นักเรียนชอบและอยากทานขนมขนมฝรั่งกุฎีจีนมากๆค่ะและถือว่าเป็นการเอาชุมชนมาใช้ประกอบการเรียนการสอนได้ดีจริงๆทำให้ผู้เรียนได้รู้ในเรื่อง "สารและสมบัติของสาร" (ของแข็ง ของเหลว และก๊าซ) ของ อ.นิตยา คงพันธุ์ รร.วัดประยุรวงศาวาส เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสาร และการถ่ายโอนความร้อน โดยใช้สื่อการเรียนการสอนแบบท้องถิ่น ขนมฝรั่งกุฎีจีน มรดกท้าวทองกีบม้า การสอนรูปแบบนี้ทำให้เกิดการประยุกต์ใช้และทำให้รูปแบบของการเรียนของนักเรียนทำให้เกิดความเข้าใจการวิเคราะห์และสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้ ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วม มีผลงานจากการทำทดลองและเกิดทักษะอีกด้วย
Portfolio in course Science Experiences Management for Early Childhood Semester 1 Academic year 20013.
วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556
สรุปบทความเรื่อง
วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งจำเป็นตั้งแต่ชั้นอนุบาลเด็กบางคนมีความช่างสังเกตุและคอยซักถามอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เขาเจอรอบๆตัว และบางครั้งก็เป็นคำถามที่ยากเกินกว่าที่ผู้ใหญ่จะให้คำตอบ ผู้ใหญ่หลายคนไม่เข้าใจคำว่าวิทยาศาสตร์จึงปิดกลั้นโอกาสทางการเรียนรู้ของพวกเขาโดยการไม่ให้ความสนใจ ซึ่งนั่นทำให้การพัฒนาทักษะของเด็กต้องขาดตอนไปอย่างน่าเสียดาย แต่สำหรับเด็กอนุบาลสิ่งสำคัญที่สุดคือครูต้องแม่นยำในพัฒนาการของเด็กเพื่อที่จะสามารถจัดการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับความสามารถของเด็กรวมถึงต้องอย่าลืมเรื่องจินตนาการที่มีอยู่สูงในเด็กวัยนี้
ลิงค์บทความ
สรุปวิจัยเรื่อง
การคิดอย่างมีเหตุผลของเด็กปฐมวัยที่ได้รับจากการจัดกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ จะเน้นเด็กปฐมวัยที่มีอายุระหว่าง 5-6 ขวบ ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาล 2 ได้พัฒนาตนเองทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เพื่อให้ทันกับสถานณ์การในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยจะเน้นการพัฒนาสติปัญญาด้านการคิดอย่างมีเหตุผล ซึ่งนำไปสู่การแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน เพราะการคิดอย่างมีเหตุผลต้องอาศัยหลักการหรือข้อเท็จจริง การคิดอย่างมีเหตุผลนี้มีโอกาสผิดพลาดน้อย ผู้ที่มีทักษะในการคิดอย่างมีเหตุผลสูงย่อมมีความคิดที่มีคุณภาพสูง ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาต่างๆได้ และสรา้งสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ได้ดี ดังนั้นการคิดอย่างมีเหตุผลของเด็กปฐมวัย ควรจัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แสดงออกอย่างอิสระด้วยการใช้จินตนาการที่หลากหลาย กระตุ้นให้เด็กมีความสนใจ เปิดโอกาสให้เด็กได้ทำซ้ำๆ โดยวิธีการต่างๆ หลายรูปแบบ และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นวิธีการจัดกิจกรรมอีกรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถทำให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการแก้ไขปัญหาและการได้สืบค้นด้วยตนเอง ด้วยการทำกิจกรรมที่หลากหลายรูปแบบ โดยจะกระทำกับวัสดุอุปกรณ์ โดยการสังเกตุ การตั้งปัญหา การตั้งสมมุติฐาน การทดลองและการสรุปอภิปราย
ลิงก์วิจัย
สัปดาห์ที่18 (29/09/56)
- อาจารย์ให้นักศึกษานำสื่อทั้ง 3 ชิ้นมาส่ง ได้แก่ สื่อของเล่น การทดลอง สื่อเข้ามุม และให้นักศึกษานำการทดลองมาทดลองพร้อมนำเสนอวิธีการสอนให้อาจารย์ดูด้วย
- อาจารย์ก็ได้ชี้แจงเกี่ยวกับงานบล็อคให้นักศึกษาฟังว่า บล็อคอาจารย์จะตรวจวันที่10 ตุลาคม 2556 ซึ่งจะเป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้าย ดังนั้นให้นักศึกษาไปทำบล็อคให้เรียบร้อย ในบล็อคก็จะต้อมีงวิจัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ 1 เรื่องพร้อมสรุป ,บทความเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ 1 เรื่องพร้อมสรุป ,โทรทัศน์ครูอีก 1 เรื่องพร้อมสรุป และพวกลิงค์ต่างๆ บันทึกการเข้ารียนก็จะต้องให้เรียบร้อย
สัปดาห์ที่16 (18/09/56)
- อาจารย์ให้นักศึกษาทำกิจกรรม "Cooking" หลังจากที่ได้เขียนแผนและนำเสนอแผนเกี่ยวกับการทำอาหารเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วันที่ 15 กันยายน 2556
ขั้นตอนการทำอาหาร "ไข่ตุ๋น"
- คุณครูให้เด็กๆนั่งเป็นครึ่งวงกลม
- คุณครูอธิบายขั้นตอนการทำ "ไข่ตุ๋น"
- เด็กๆค่ะ เด็กเห็นอะไรตรงข้างหน้าครูบ้างค่ะ
- เด็กๆค่ะ ถ้าครูใส่อันนี้ลงไป (ส่วนประกอบของไข่ตุ๋น)เด็กๆคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นค่ะ
- เด็กๆค่ะ เด็กๆเคยทานไข่ตุ๋นไหมค่ะ
- ทักษะการประกอบอาหารสำหรับเด็กปฐมวัย
- ทักษะการใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการประกอบอาหาร
- การจัดกิจกรรม cooking ให้กับเด็กปฐมวัย
- การบูรณาการวิทยาศาสตร์ให้เข้ากับกิจกรรมประจำวัน
สัปดาห์ที่15 (15/09/56)
- อาจารย์ได้ให้นักศึกษาแก้ไขบล็อคของตัวเองให้เรียบร้อย
- ทำกิจกรรม "เขียนแผนการทำอาหาร" (กลุ่ม) *ไม่ได้มาเรียนเนื่องจากไม่สบายค่ะ
สัปดาห์ที่14 (11/09/56)
*ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากผู้สอนติดภาระกิจทางราชการต่างจังหวัด แต่อาจารย์ได้มอบหมายให้เตรียมเอกสารที่ไปศึกษาดูงานที่ลำปลายมาสมาส่งอาทิตย์ถัดไปให้เรียบร้อย
สัปดาห์ที่13 (04/09/56)
*ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากอาจารย์ติดภาระกิจราชการ แต่อาจารย์ได้มอบหมายงานไว้ คือ การจัดเตรียมเอกสารเพื่อสรุปการไปศึกษาดูงาน
สัปดาห์ที่12 (28/08/56)
ไปศึกษาดูงานตั้งวันที่ 27-28 สิงหาคม 2556
ณ สาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
และ
โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา จ.บุรีรัมย์
วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556
สัปดาห์ที่ 11 (21/08/56)
ไม่มีการเรียน การสอน เนื่องจากผู้สอนได้มอบหมายให้ทำงาน ดังนี้
1. ทำการทดลองวิทยาศษสตร์
2. ประดิษฐ์ของเล่นวิทยาศาสตร์
3. ทำว่าวใบไม้
* กิจกรรมทุกชิ้น ต้องมีภาพถ่ายลงบล็อก*
สัปดาห์ที่ 10 (14/08/56)
- อาจารย์ได้พูดถึงการไปดูงานที่ โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา และ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยนครราชสีมา ว่ามีแต่ละฝ่ายงานมีอะไรบ้างมีหน้าที่อะไรและใครที่ทำหน้าที่อะไรไปจัดการให้เรียบดรียบ
- อาจารย์ได้เข้าไปดูบล็อกในเซสนี้ ว่านักศึกษาคนใดที่ยังทำงานไม่เรียบร้อย
- นักศึกษาคนใดในบล็อกที่ยัง ได้การทดลองวิทยาศาสตร์ การเข้ามุม ของเล่นวิทยาศาสตร์ ให้นักแต่ละคนไปทำจริงและปฏิบัติงานจริง ด้วยการทดลองทำจริงทั้ง3อย่างให้คบและโพล์ตขึ้นบล็อกพร้อมรูปให้เรียบร้อย
- เชตของพวกเราพอหลังจากหมดเวลา พวกเราก็ปรึกษาหารือกันในเรื่องของการแบ่งฝ่าย ในการเตรียมงาน กลุ่มของเพื่อเราก็แบ่งฝ่ายตามนี้
1. การประสานงาน จำนวนคน 7
2. ประชาสัมพัธ์ จำนวนคน 5 3. ฝ่ายประเมินผล จำนวนคน 7
4. งบประมาณ จำนวนคน 4
5. ลงทะเบียน จำนวนคน 6
6. สวัสดิการ จำนวนคน 7 (กลุ่มดิฉัน รับผิดชอบ)
7. พิธีการ กล่าวขอบคุณ จำนวนคน
7.1 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยนครราชสีมา
7.2 โรงเรียนลำปลายมาศพัมน
สัปดาห์ที่ 9 (07/08/56)
ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากอาจารย์ให้นักศึกษาเข้าร่วม โครงการทำนุบำรุงศิลปะวัฒนาธรรม นักศึกษาสาขาศิลปะวัฒธรรม กิจกรรม กายงามใจดีศรีปฐมวัย
สัปดาห์ที่ 7 (24/07/56)
อาจารย์ให้นักศึกษารวมกันตอบ และสักถามอภิปรายในเรื่องของ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และดูโทรทัศน์ครู เรื่อง Project Approach การสอนแบบโครงการปฐมวัย
- การสังเกต
- การวัด
- การจำแนกประเภท
- การหาความสัมพันธ์ระหว่างมิติกับเวลา
- การสื่อความหมาย
- การคำนวณ
- การพยากรณ์
2.กระบวนการผสม
- การตั้งสมมติฐาน
- การกำหนดเชิงปฎิบัติการณ์
- การกำหนดดเวลาควบคุมตัวแปร
- การทดลอง
- การตีความหมายข้อมูลและสรุปความ
3.วิธีการจัด
- จัดแบบเป็นทางการ
- การกำหนดจุดมุ่งหมาย
- รูปแบบการสอนต่างๆ
- ประกอบอาหาร
- โครงการวิทยาศาสตร์
- ทัศนศึกษา
- ไม่เป็นทางการ
- จัดมุมวิมยาศาสตร์
- สภาพแวดล้อมที่ครูเตรียม
- จัดตามเหตุการณ์
- ธรรมชาติ
- สิ่งที่พอเห็น
4.วิธีการใช้สื่อ
- เลือก
- เหมาะกับหน่วย
- เหมาะกับพัฒนาการ
- เวลาและสถานที่
- กิจกรรม
- เตรียม
- อุปกรณ์
- ทดลองใช้
- ลงมือใช้
- การประเมิน
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
1.กระบวนการเบื่องต้น- การสังเกต
- การวัด
- การจำแนกประเภท
- การหาความสัมพันธ์ระหว่างมิติกับเวลา
- การสื่อความหมาย
- การคำนวณ
- การพยากรณ์
2.กระบวนการผสม
- การตั้งสมมติฐาน
- การกำหนดเชิงปฎิบัติการณ์
- การกำหนดดเวลาควบคุมตัวแปร
- การทดลอง
- การตีความหมายข้อมูลและสรุปความ
3.วิธีการจัด
- จัดแบบเป็นทางการ
- การกำหนดจุดมุ่งหมาย
- รูปแบบการสอนต่างๆ
- ประกอบอาหาร
- โครงการวิทยาศาสตร์
- ทัศนศึกษา
- ไม่เป็นทางการ
- จัดมุมวิมยาศาสตร์
- สภาพแวดล้อมที่ครูเตรียม
- จัดตามเหตุการณ์
- ธรรมชาติ
- สิ่งที่พอเห็น
4.วิธีการใช้สื่อ
- เลือก
- เหมาะกับหน่วย
- เหมาะกับพัฒนาการ
- เวลาและสถานที่
- กิจกรรม
- เตรียม
- อุปกรณ์
- ทดลองใช้
- ลงมือใช้
- การประเมิน
ดูโทรทัศน์ครู เรื่อง Project Approach การสอนแบบโครงการปฐมวัย
สัปดาห์ที่ 6 (17/07/56)
ไม่มีการเรียนการสอน แต่อาจารย์ได้สั่งงานไว้คือ นักศึกษาคนไหนที่ยังเหลือสื่อวิทยาศาสตร์อันไหนก็ให้โพสลงบล็อกของตัวเองในสัปดาห์นี้ สื่อมีทั้งหมด 3 ชิ้น คือ
1 สื่อเข้ามุม
2 สือทดลอง
3 สื่อที่ให้เด็กประดิษฐ์ขึ้นเองไ ด้
หัวข้อคือ
- ชื่อ
- อุปกรณ์
- การเล่น
- หลักการวิทยาศาสตร์
# มีอะไรเพิ่มเติมก็ใส่ลงไ ปได้เลย ( ให้มีรูปภาพด้วย )
ขวดน้ำไล่สี
1 สื่อเข้ามุม
2 สือทดลอง
3 สื่อที่ให้เด็กประดิษฐ์ขึ้นเองไ
หัวข้อคือ
- ชื่อ
- อุปกรณ์
- การเล่น
- หลักการวิทยาศาสตร์
# มีอะไรเพิ่มเติมก็ใส่ลงไ
ของเล่นวิทยาศาสตร์
การทำบูมเมอแรงแบบตัว L
อุปกรณ์
1.
กระดาษแข็ง
2.
กรรไกร
3.
กาวสองหน้า
วิธีทำ
1.
พับกระดาษแบ่งครึ่ง
2.
ตัดกระดาษที่พับไว้
3.
ติดสองชิ้นเป็นตัว
L
4.
ดูทิศทางลม
ของเล่นวิทยาศาสตร์เข้ามุม
ขวดน้ำไล่สี
อุปกรณ์
1.
ขวดน้ำเปล่า 6 ขวด
2.
โฟมยาง
3.
สีผสมอาหาร
4.
กาว
5.
คัตเตอร์
6.
ไม้บรรทัด
7.
ไซริงค์ ( หลอดฉีดยา )
วิธีทำ
1.
นำขวดน้ำมาใส่น้ำปริมาณ 350 มิลลิลิตร
ใส่ให้เท่ากันทั้งหมด ทั้ง 6ขวด
2.
นำสีผสมอาหารมาผสมกับน้ำเล็กน้อย
3.
นำไซริงค์ ดูดสีผสมอาหารแล้วนำมาหยดใส่ในขวดน้ำเปล่าที่เตรียมไว้
เริ่มจากขวดที่ 1 หยด 1หยด ขวดที่ 2 หยด 2หยด ขวดที่ 3 หยด 3 หยด ขวดที่ 4 หยด 4 หยด ขวดที่ 5 หยด 5 หยด และขวดที่ 6 หยด 6 หยด ไล่สีจากสีอ่อนไปหาสีเข้ม
4.
นำโฟมยางมาตัดเป็นฐานรองขวด
โดยใช้คัตเตอร์ตัดเป็นรูปวงกลมขนานพอดีขวด
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
เหตุผล : เป็นเพราะปริมาณของสีที่หยดลงไปในน้ำ
การหยดสีลงไปในน้ำที่มีปริมาณน้ำเท่าๆกัน
ถ้าหยดสีลงในน้ำน้อยสีที่เจือจางออกมาก็จะน้อย
แต่ถ้าหยดสีลงในน้ำเยอะสีที่จะเจือจางออกมาก็จะเข้ม
ดังนั้นการไล่สีคือการเพิ่มปริมาณของสีในแต่ละขวดที่หยดลงไป
สัปดาห์ที่ 5 (10/07/56)
- อาจารย์ให้นักศึกษาทุกคน เตรียมงานออกไปนำเสนอ สื่อประดิษฐ์วิทยาศาสตร์ ของแต่ละคน ให้พร้อมและให้พูดถึงสิ่งที่เตรียมมาประดิษฐ์ เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อย่างไร อาจารย์บอกว่าถ้าชิ้นงานชิ้นไหนซ้ำกับเพื่อนก็ต้องออกมานำเสนอ แต่งานชิิ้้นนักศึกษาต้องประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ (ห้ามซ้ำกับเพื่อน)
สื่อการทดลอง
ก้านไม้ขีดเคลื่อนที่ได้
เป้าหมาย
ก้านไม้ขีดเคลื่อนที่ได้อย่างไร
อุปกรณ์
1.
ก้านไม้ขีด 1 ก้าน
2.
เหรียญ 1 เหรียญ
3.
ช้อน 1 คัน
วิธีทำ
1.
หักไม้ขีดไฟตรงกลางก้าน แต่อย่าหักให้ขาด
2.
วางเหรียญลงไปในก้านไม้ขีดไฟ
โดยให้ขอบของเหรียญแตะก้านไม้ขีดไฟ
3.
หยดน้ำลงไปช้อน 2-3
หยด
4.
ใช้ช้อนหยดน้ำลงไปในที่จุดงอของไม้ขีดไฟในตำแหน่องลูกศรชี้
ดังภาพ
เห็นอะไรกันบ้าง
ทันทีที่หยดน้ำลงไป
ก้านไม้ขีดไฟจะแยกออกจากกันเล็กน้อย ขอบเหรียญอย่างน้อย 1 ขอบ
จะตกจากก้านไม้ขีดไฟ
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
เหตุผล : น้ำทำให้เส้นใยที่ยึดก้านไม้ขีดไฟ
2 ท่อนขยายตัว ทำให้ก้านไม้ขีดไฟแยกออกจากกันเล็กน้อย
ที่มา
ผศ.ดร.จันทร์เพ็ญ จันทร์เจ้า (แปล) มหัศจรรย์การทดลองวิทยาศาสตร์
สำนักพิมพ์ปาเจรา
สัปดาห์ที่ 4 (03/07/56)
การเรียน การสอน
- อาจารย์ให้ดูสิ่งประดิษฐ์ที่ อาจารย์นำมา(ของเล่น) อาจารยืให้สิ่งให้เพื่อนในห้องได้ดูสิ่งประดิษฐ์นี้ พอดู
เสร็จแล้วอาจารยืถามว่าได้เห็นอะไรในสิ่งประดิษฐ์ที่อาจารย์นำมาให้ดู
* ต้องเอียง ของเล่นชิ้นนี้เพื่อจะให้ลูกปิงปองไหลลงมา ของเล่นสิ่งนี้จะมองได้จากคุณสมบัติของแสง
เพราะแสงเมื่อกระทบกับวัสถุ จะทำให้เรามองเห็นมันสิ่งของที่อยุ่ในนั้นมันคือการเปลี่ยนแปลงและความ
แตกต่าง รวมเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้น
- อาจารย์แจกกระดาษให้นักศึกษา คนละ2 แผ่น ให้ตัดเป็น8ช่องและเย้บแล่มเป็นสมุดพอเสร็จแล้ว
อาจารย์ให้นักศึกษาทุกคนวาดอะไรก็ได้ในหน้ากระดาษแผ่นแล้วแล้วแผ่นต่อมาก็วาดเพิ่มเติมไปทีอย่าง
ล่ะ1อย่าง จนคบ8 น่า พอเสร็จแล้วอาจารย์ให้เปิดกระดาษเร็วๆ เพื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงจากรูปที่
นักศึกษาแต่ละคนได้วาด ว่าภาพมีการเปลี่ยนแปลงออย่างไรจากที่เราเปิดกระดาษเร็วๆๆ
- อาจารย์ได้พูดถึงแนวคิดทางวิทยาศาสตร์
= การเปลี่ยนแปลง
= การแตกต่าง (ทางธรรมชาติ)
= การปรับตัว
= การพึงพาอาศัยกัน
- อาจารย์ให้นักศึกษา ดู C. Dเรื่องมหัศจรรย์ของน้ำ และให้จด ว่าอันไหนคือคุณสมบัติ และวิธีการ
- อาจารย์ให้ดูสิ่งประดิษฐ์ที่ อาจารย์นำมา(ของเล่น) อาจารยืให้สิ่งให้เพื่อนในห้องได้ดูสิ่งประดิษฐ์นี้ พอดู
เสร็จแล้วอาจารยืถามว่าได้เห็นอะไรในสิ่งประดิษฐ์ที่อาจารย์นำมาให้ดู
* ต้องเอียง ของเล่นชิ้นนี้เพื่อจะให้ลูกปิงปองไหลลงมา ของเล่นสิ่งนี้จะมองได้จากคุณสมบัติของแสง
เพราะแสงเมื่อกระทบกับวัสถุ จะทำให้เรามองเห็นมันสิ่งของที่อยุ่ในนั้นมันคือการเปลี่ยนแปลงและความ
แตกต่าง รวมเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้น
- อาจารย์แจกกระดาษให้นักศึกษา คนละ2 แผ่น ให้ตัดเป็น8ช่องและเย้บแล่มเป็นสมุดพอเสร็จแล้ว
อาจารย์ให้นักศึกษาทุกคนวาดอะไรก็ได้ในหน้ากระดาษแผ่นแล้วแล้วแผ่นต่อมาก็วาดเพิ่มเติมไปทีอย่าง
ล่ะ1อย่าง จนคบ8 น่า พอเสร็จแล้วอาจารย์ให้เปิดกระดาษเร็วๆ เพื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงจากรูปที่
นักศึกษาแต่ละคนได้วาด ว่าภาพมีการเปลี่ยนแปลงออย่างไรจากที่เราเปิดกระดาษเร็วๆๆ
- อาจารย์ได้พูดถึงแนวคิดทางวิทยาศาสตร์
= การเปลี่ยนแปลง
= การแตกต่าง (ทางธรรมชาติ)
= การปรับตัว
= การพึงพาอาศัยกัน
- อาจารย์ให้นักศึกษา ดู C. Dเรื่องมหัศจรรย์ของน้ำ และให้จด ว่าอันไหนคือคุณสมบัติ และวิธีการ
สัปดาห์ที่ 3 (26/06/56)
- อาจารย์ให้ดูและสรุป VCD เรื่องความลับของแสง
แสง
| |
แสงคือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic wave) ประเภทหนึ่ง ซึ่งอยู่ในช่วงความยาวคลื่นที่สายตามนุษย์มองเห็น หรือบางครั้งอาจรวมถึงการแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความยาวคลื่นตั้งแต่รังสีอินฟราเรด (Infrared) ถึงรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) ด้วย
ความถี่ของคลื่นแสงที่แตกต่างกันนั้นขึ้นอยู่กับความเร็วในการสั่นสะเทือน ถ้าหากคลื่นแสงยิ่งมีความสั่นสะเทือนมากก็จะยิ่งมีความถี่มากแต่ความยาวคลื่นก็จะยิ่งน้อย โดยแสงที่เรามองเห็นได้นั้นเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ในระดับที่ดวงตาของมนุษย์สามารถมองเห็นได้ ซึ่งปกติแล้วแสงจะเคลื่อนที่ในสุญญากาศด้วยความเร็ว 299,792,458 เมตรต่อวินาที จำแนกวัตถุตามการส่องผ่านของแสง ได้ดังนี้
คุณสมบัติของแสง
แสงจะมีคุณสมบัติที่สำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ การเดินทางเป็นเส้นตรง (Rectilinear propagation) , การหักเห (Refraction) , การสะท้อน (Reflection) และการกระจาย (Dispersion)
1. การเดินทางแสงเป็นเส้นตรง ในตัวกลางที่มีค่าดัชนีการหักเห (refractive index ; n) ของแสงเท่ากัน แสงจะเดินทางเป็นเส้นตรง 2. การสะท้อน การสะท้อนของแสงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ » การสะท้อนแบบปกติ (Regular reflection) จะเกิดขึ้นเมื่อแสงตกกระทบกับวัตถุที่มีผิวเรียบมันวาวดังรูปที่ 2.2 » การสะท้อนแบบกระจาย (Diffuse reflection) จะเกิดขึ้นเมื่อแสงตกกระทบวัตถุที่มีผิวขรุขระดังรูปที่ 2.3 โดยการสะท้อนของแสงไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตามจะต้องเป็นไปตามกฎการสะท้อนของแสงที่ว่า "มุมสะท้อนเท่ากับมุมตกกระทบ" 3. การหักเห การหักเหของแสงจะเกิดขึ้นเมื่อแสงเดินทางผ่านตัวกลางที่มีค่าดัชนีการหักเหไม่เท่ากัน โดยลำแสงที่ตกกระทบจะต้องไม่ทำมุมฉากกับรอยต่อระหว่างตัวกลางทั้งสอง และมุมตกกระทบต้องมีค่าไม่เกินมุมวิกฤต (Critical angel ; ) โดยการหักเหของแสงสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กรณี คือ » n1 < n2 แสงจะหักเหเข้าหาเส้นปกติ จากรูปที่ 2.5 ระยะเวลาที่แสงใช้ในการเดินทางในช่วง BC จะเท่ากับระยะเวลาที่แสงใช้ในการเดินทางในช่วง B'C' » n1 > n2 แสงจะหักเหออกจากเส้นปกติ จากรูปที่ 2.6 จะเห็นว่าระยะทาง BC มีค่ามากกว่า B'C' เนื่องจากระยะทาง BC เป็นการเดินทางของแสงในตัวกลางที่มีค่าดัชนีการหักเหน้อยกว่า ดังนั้นในระยะเวลาเท่ากันแสงจะสามารถเดินทางได้มากกว่า » การสะท้อนกลับหมด (Total Internal Reflection) การเกิดการสะท้อนกลับหมดของแสงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อค่าดัชนีการหักเหของตัวกลางที่ 1 มีค่ามากกว่าดัชนีการหักเหของตัวกลางที่ 2 (n1 > n2) และ ซึ่งจะส่งผลให้ มีค่าเท่ากับ หรือมากกว่าโดยเราสามารถหาค่า ได้จาก Snell's Law ในรูปที่ 2.8 แสดงตัวอย่างของการสะท้อนกลับหมดของแสง โดยการมองเครื่องบินที่อยู่ในอากาศจากใต้น้ำ ซึ่งจะสามารถมองเห็นเครื่องบินได้ก็ต่อเมื่อเรามองทำมุมกับผิวน้ำมากกว่า ค่าดังกล่าวได้มาจากการคำนวณมุมวิกฤตดังนี้ จากสมการ แทนค่า n2=1 และ n1=1.33 จะได้ 4. การกระจาย ในการพิจารณาการเดินทางของแสงที่ผ่านๆ มา เราสมมติให้แสงที่เดินทางมีความยาวคลื่นเพียงความยาวคลื่นเดียวซึ่งเราเรียกแสงชนิดนี้ว่า "Monochromatic" แต่โดยธรรมชาติของแสงแล้วจะประกอบด้วยความยาวคลื่นหลายความยาวคลื่นผสมกัน ซึ่งเราเรียกว่า "Polychromatic" ดังแสดงในรูปที่ 2.9 จะเห็นว่าแสงสีขาวจะสามารถแยกออกเป็นแสงสีต่างๆ (ความยาวคลื่นต่างๆ) ได้ถึง 6 ความยาวคลื่นโดยใช้แท่งแก้วปริซึม ซึ่งกระบวนการที่เกิดการแยกแสงออกแสงออกมานี้ เราเรียกว่า "การกระจาย (Dispersion)" นอกจากคุณสมบัติดังกล่าวทั้ง 4 ข้อแล้ว แสงยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกคือ 1. แสงจัดเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic wave) ชนิดหนึ่ง 2. คลื่นแสงเป็นคลื่นมี่มีการเปลี่ยนแปลงตามขวาง (Transverse wave) ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ ทำให้เราสามารถสรุปได้ว่าคลื่นแสงเป็นคลื่น TEM โดยลักษณะการเดินทางของแสงแสดงในรูปที่ 2.10 | |
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)